ผืนนี้เขียนเหตุการณ์ตอนที่ชูชกมาถึงบริเวณปากทางเข้าสู่เขาวงกต แล้วได้พบกับนายพรานเจตบุตรผู้รักษาปากทางเข้า สุนัขไล่เนื้อที่พรานเลี้ยงไว้พากันรุมไล่ต้อนจนชูชกจนมุมอยู่บนต้นไม้ พรานเจตบุตรก็เข้าไปตะคอกขู่ พลางยกคันธนูขึ้นคิดจะฆ่าเสียเพราะคิดว่าคงจะมาเบียดเบียนพระเวสสันดร ฝ่ายชูชกตกใจกลัว แต่ชูชกเป็นคนมีไหวพริบและเลห์เหลี่ยมจึงใช้วาจาลวงให้พรานเจตบุตรเชื้อว่าตนมาในฐานะทูตของพระเจ้าสัญชัยแห่งเมืองสีพี จะมาทูลเชิญพระเวสสันดรเสด็จกลับพระนคร พรานเจตบุตรได้ยินก็หลงเชื่อเพราะจงรักภักดีอยากให้พระเวสสันดรเสด็จกลับเมือง จึงขอโทษชูชกและชี้ทางไปสู่อาศรมพระเวสสันดร
ในภาพชูชกมีลักษณะเป็นพราหมณ์แก่ มีหนวดเครารุงรัง ผิวสีคล่ำดำ เขียนผมสีดำเกล้ามวยสูง นุ่งผ้าต้อยและสะพายย่าม ส่วนพรานเจตบุตรแต่งกายแบบไทยภาคกลาง คือ สวมเสื้อผ่าหน้า นุ่งโจงกระเบน ไว้ผมทรงมหาดไทย อีกทั้งท่าทางเป็นแบบนาฏลักษณ์แบบจิตรกรรมไทย ส่วนเหตุการณ์ตอนบนเป็นตอนที่ พรานเจตบุตรกำลังนั่งสนทนากับชูชกและแบ่งอาหารให้ชูชก